Skip to main content

วิธีปฏิบัติหลัง Reset All Settings

Submitted by ezybzy on

ช่วงนี้มีเหตุให้ต้องกด Reset All Settings บน iPhone ที่ใช้ และทุกครั้งที่ได้ทำ ก็จะพบปัญหามากมายที่ตามมา อันเนื่องจากการ Handoff, FaceTime และ iMessage ระหว่าง OS X และ iOS หลายครั้งที่ลองผิดลองถูกแต่ก็ไม่เคยจดว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อแก้ปัญหา นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะมาสรุปว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และจะต้องแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง

ปัญหาที่จะเกิดขึ้น

เมื่อทำการ Reset All Settings บน iOS นั้น ตัวข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องจะไม่หายไป แต่การตั้งค่าบางอย่างในระบบ อันเนื่องมาจากเมนู Settings นั้นจะได้รับผลกระทบ สิ่งที่จะหายไปมีดังนี้

  • Login ที่ผูกกับ FaceTime, iMessage, Home Sharing, Game Center
  • Login ของ Wi-fi
  • Bluetooth
  • Do Not Disturb
  • ชื่อเครื่องจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นค่าปริยาย (เช่น iPhone, iPod touch, iPad)
  • การตั้งค่าอันเนื่องจากเมนู General, Display & Brightness, Wallpaper, Sounds, Touch ID & Passcode, Battery, Privacy
  • การตั้งค่าใน App and iTunes Stores (ไม่เกี่ยวกับ Apple ID)
  • การตั้งค่าใน Mail, Contacts, Calendars (ไม่เกี่ยวกับ Accounts)
  • iTunes Wi-Fi Sync จะใช้งานไม่ได้จนกว่าจะนำเครื่องไปต่อกับ iTunes อีกครั้ง
  • Instant Hotspot ใช้งานไม่ได้

วิธีแก้ปัญหา

จะเห็นว่าค่าที่หายไปส่วนใหญ่นั้นสามารถกลับมาตั้งใหม่ได้ง่าย แต่ที่เป็นปัญหาจริง ๆ ก็คือ

  • Login ของ Facetime, iMessage ที่แม้ว่า Login แล้วแต่อาจจะยังไม่สามารถใช้งาน รับสาย/โทรออก หรือรับ SMS จาก OS X ได้
  • Instant Hotspot ไม่แสดงชื่อ iPhone เครื่องนั้น

ในส่วนของ iMessage นั้น เข้าเมนู Message ตรวจสอบ Text Message Forwarding แล้วทำการเลื่อนแถบปิดการทำงานบนทุกชื่ออุปกรณ์ที่ปรากฏในนั้น แล้วไล่เปิดใหม่ทีละอัน (จะมีให้กรอกตัวเลข ซึ่งจะไปปรากฏบนหน้าจออุปกรณ์ที่ต้องการให้รับข้อความได้ แต่อาจจะรอนานหน่อย)

ในส่วนของ FaceTime นั้น เข้าเมนู Phone ตรวจสอบ Calls on Other Devices โดยอาจจะปิด Allow Calls on Other Devices ไปก่อน แล้วไปไล่ Sign out FaceTime บนทุกอุปกรณ์ ทำการ Restart ตัว iPhone ซักรอบ แล้วเปิดฟังก์ชั่นนี้อีกครั้งบน iPhone แล้วจึงไปไล่ Sign in FaceTime บนทุกอุปกรณ์ (อาจจะต้องทำสลับขั้นตอนกันระหว่าง Sign in Facetime กับ เปิด Allow Calls on Other Devices) จากนั้นก็ทดสอบโทรเข้า iPhone เพื่อดูว่าโทรศัพท์ไปดังบนอุปกรณ์อื่นหรือไม่ และสามารถรับสายจากอุปกรณ์อื่นได้สำเร็จหรือไม่

ในส่วนของ Instant Hotspot นั้นค่อนข้างจะผีเข้าผีออก บางทีก็มีปัญหาแต่บางทีก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่มักจะพบคือ ชื่อเครื่องจะไม่ปรากฎอยู่ในรายการ Instant Hotspot อาจจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะปรากฎขึ้นมาใหม่ โดยอาจจะมาเป็นชื่อปริยายไปก่อน แล้วใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อจริง แต่หากมันไม่ปรากฎขึ้นมาเลย ทางออกสุดท้ายคือ ไล่ Sign out iCloud บนทุกอุปกรณ์ ปิดเครื่องเปิดใหม่โดยให้เริ่มจาก iPhone เป็นเครื่องแรก แล้ว Sign in iCloud เหมือนเดิม แล้วก็รอดูว่าอาการนี้จะหายหรือไม่ แต่ทั้งนี้ถ้าอินเตอร์เน็ตที่ใช้งานมีปัญหากับเว็บไซต์ของ Apple ก็อาจจะทำให้อาการแย่ไปยิ่งกว่าเดิมได้ (ในขั้นตอนที่รอชื่อเครื่องปรากฎในรายการ Instant Hotspot นั้น ตัวเครื่องอื่น ๆ จะมีการติดต่อกับระบบของ Apple ทำให้ต้องใช้เวลารอ)

สรุป

จะเห็นว่า เมนูนี้ก็ค่อนข้างอันตราย ถ้าไม่คล่องไม่มีเหตุให้ต้องทำก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้งาน แต่เอาเข้าจริง การ Restore เครื่องจาก Backup มันก็ไม่ได้แก้ได้ทุกปัญหา เพราะสุดท้ายปัญหาที่เกิดกับเครื่องนั้นอาจจะเกิดจาก Setting พัง ๆ (ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ) ซึ่งไม่มีหน้าจอให้เข้าไปแก้ไขและค่าเหล่านี้กลับไม่ถูกปรับปรุงจากการ Restore from Backup สุดท้ายก็เลยต้องมาจบที่การ Reset All Settings นี่เอง ดังนั้นก็ควรจะวางแผนการให้ดีและเผื่อเวลาในการแก้ปัญหาอันเนื่องจากคำสั่งนี้ด้วย